ข่าวกีฬา “มาร์ค คาเวนดิช” : จากเสมียนตัวอ้วนสู่ยอดตัวสปรินท์ระดับ GOAT ของวงการจักรยาน

ข่าวกีฬา

ข่าวกีฬา “มาร์ค คาเวนดิช” : จากเสมียนตัวอ้วนสู่ยอดตัวสปรินท์ระดับ GOAT ของวงการจักรยาน

ข่าวกีฬา

มาร์ค คาเวนดิช คือหนึ่งในนักปั่นจักรยานทางไกลสายสปรินท์ที่โดดเด่นที่สุดของโลก เขาคว้าเสื้อเขียว เจ้าความเร็วของศึก ตูร์ เดอ ฟรองซ์ ในปี 2011 และรางวัลอะไรต่อมิอะไรมากมาย จนถึงขั้นได้รับการประดับยศจากราชินีอังกฤษ

เบื้องหลังความยิ่งใหญ่ คือตำนานที่ใครหลายคนไม่เคยรู้..

สิบกว่าปีก่อน เขาเป็นพนักงานออฟฟิศ นั่งติดจอคอม กินไม่ยั้ง ไม่ออกกำลังกาย และอ้วนเกินเกณฑ์ แต่เมื่อบางสิ่งเข้ามา เขาจึงรู้ว่าร่างกายของคนเรานั้นมีขีดจำกัดที่สูงเกินกว่าที่ใครจะมองเห็นมัน หากไม่มุ่งมั่นและตั้งใจจริงๆ

นี่คือเรื่องราวของ GOAT แห่งการสปรินท์ในวงการจักรยาน.. ติดตามได้ที่นี่

วัยเด็ก.. ที่เกือบหลุดโค้ง

วัยเด็กของ มาร์ค คาเวนดิช นั้นผูกพันกับจักรยานมาตั้งแต่จำความได้ เขาเริ่มขี่จักรยาน BMX ตั้งแต่ยังตัวเล็กๆ โดยที่ที่เขาจะนัดเจอและรวมแก๊งกับเพื่อนๆคือศูนย์กีฬาแห่งชาติ ในเมืองดักลาส ที่เกาะแมน (Isle of Man – เกาะเล็กๆในการปกครองของสหราชอาณาจักร) ซึ่งในขณะที่เขาทำเช่นนั้นไปทุกเมื่อเชื่อวัน พ่อและแม่ของเขาก็เริ่มจะเห็นบางอย่างในตัวของเขา นั่นคือ มาร์ค คือคนที่ชอบปั่นจักรยานจริงๆ ทว่ารถจักรยาน BMX ของเขาต้องใช้แรงเยอะมากกว่าปกติ จึงจะตามเพื่อนๆที่ปั่นจักรยานเสือภูเขาเสมอ ดังนั้น พวกเขาจึงตั้งใจซื้อจักรยานเสือภูเขาเป็นของขวัญให้ลูกชาย

 

6

“ผมปั่นจักรยานอยู่เรื่อยเลย จนวันหนึ่งแม่ของผมบอกว่า แม่ตลกมากที่เห็นผมต้องปั่นจักรยาน BMX ไล่กวดรถจักรยานของเพื่อน ผมร้องขอให้ท่านซื้อจักรยานเสือภูเขาให้ผมอยู่พักใหญ่ และสุดท้ายผมก็ได้มันมาครอบครอง”

“หลังจากได้จักรยานเสือภูเขาคันแรกในวันเกิดครบรอบอายุ 13 ปี ผมเอามันออกมาปั่นแข่งกับเพื่อนๆ และผมสามารถเอาชนะเพื่อนทุกคนได้นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา” คาเวนดิช กล่าว

ชัยชนะนั้นเป็นเหมือนสิ่งเสพติดสำหรับคนที่เกิดมาเป็นแชมเปี้ยน.. หลังจากนั้นเป็นต้นมา คาเวนดิช เอาจริงเอาจังถึงขั้นตั้งเป้าเป็นนักปั่นจักรยานอาชีพ เขาได้รับแรงบันดาลใจจาก เดวิด มิลลาร์ นักปั่นชาวสก็อต ที่มาแข่งรายการ Isle of Man Cycling Festival ในเกาะบ้านเกิดตอนเจ้าตัวอายุเพียง 11 ปี ความเอาจริงเอาจังนั้นถูกซึมซับมาเรื่อยๆ จนที่สุดแล้ว คาเวนดิช เลือกเส้นทางของตัวเองด้วยการลาออกจากโรงเรียน และหางานทำด้วยการเป็นเสมียนในธนาคาร เพื่อหาเงินให้เพียงพอสำหรับความฝันในการเป็นนักปั่นอาชีพ

ทว่าชีวิตจริงไม่เคยง่าย เมื่อต้องมานั่งทำงานนั่งโต๊ะ เขาก็โดนสภาพแวดล้อมและธรรมชาติของพนักงานออฟฟิศเล่นงาน นั่นคือ เมื่อทำงานติดโต๊ะอยู่ 2-3 ปี เขาก็ออกกำลังกายน้อยลง กินมากขึ้น และสิ่งที่ตามมาคือน้ำหนักตัวที่อ้วนขึ้น จนไม่สามารถปั่นจักรยานได้ดีอย่างเดิม

ขอบคุณข่าว : www.sanook.com

สนใจสมัคร ติดต่อ : sportwebgolf.com

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *